AJ ศูนย์ซ่อมคอมพิวเตอร์ : วิธีการซ่อมแซม .NET Framework ใน Windows 10


***ซ่อมคอมพิวเตอร์ - แก้ไขซอฟต์แวรง่ายๆด้วยตนเอง***
.NET Framework เป็นโปรแกรมฟรีซึ่งขณะนี้ได้รวมอยู่ในแพ็คเกจ Windows หลัก

            .NET Framework ถูกเปิดตัวในช่วงปลายยุค 90 เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการพัฒนาโปรแกรมใน Windows รุ่นต่าง ๆ ซึ่งนับว่าเป็นหัวใจหลักของฟีเจอร์ Windows ที่สำคัญๆจำนวนมาก

            เป็นที่ทราบกันดีว่า .NET Framework ทำให้เกิดข้อผิดพลาด และ ปัญหาจำนวนมาก  มาเป็นเวลาหลายต่อหลายปี (บางท่านถึงกับต้อง ยกคอมพเข้า ร้านซ่อมคอมพิวเตอร์)

             แม้ว่าโดยปกติแล้วมักจะไม่เกิดปัญหา แต่บางครั้ง  มักจะเกิดจากการเขียนโปรแกรมที่ไม่ดีหรือปัญหาอื่นๆในลักษณะเดียวกัน



***หมายเหตุ -. NET ไม่สามารถลบได้***

เนื่องจากมันเป็นส่วนสำคัญของระบบ Windows จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะ "ลบ" .NET Framework ออกจากระบบรุ่นหลังๆเป็นต้นมา (อย่างดีก็ทำได้แค่ Disable/Enable)

แต่คุณมีอิสระในการ อัปเดต ซ่อมแซม และจัดการกับ .NET Framework ในลักษณะต่างๆได้ ...!!!

           ดังนั้นหากคุณประสบปัญหาขึ้น  คุณต้องแน่ใจว่าคุณใช้ .NET Framework เวอร์ชันที่เหมาะสม กับ Windows ของคุณ

ในการทำเช่นนี้คุณต้องทำตามขั้นตอนด้านล่าง:

-

วิธีแรก Verification Tool


ขั้นตอนแรกคือ ลองใช้ Verification Tool




เป็นซอฟต์แวร์ฟรี  ที่จะตรวจสอบปัญหาคร่าวๆ ที่อาจมีอยู่ใน .NET Framework โดยทั่วไป

1.คุณสามารถดาวน์โหลดได้โดยค้นหา "Verification Tool" บน Google และคลิกลิงก์แรก (ควรเป็นหน้าเว็บของ Microsoft)

2.หลังจากดาวน์โหลดเครื่องมือแล้วให้ Run

3.หากคุณไม่ทราบว่า .NET Framework รุ่นใดที่คุณใช้งานอยู่  ให้เลือก .NET Framework version 4


หากมีปัญหาใด ๆ มันจะบอกรหัสข้อผิดพลาด (Error Code) ที่คุณต้องใช้ในตรวจสอบ ... แต่ผมแนะนำให้ลองข้อต่อไป (ด้านล่าง)

วิธีที่ 2. ใช้ .NET Repair Tool


            หลังจากทำตามขั้นตอนที่ 1 คุณอาจต้อง "ซ่อมแซม" มัน

คุณควรใช้.NET Repair Tool 


         เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่สร้างขึ้นโดย Microsoft และช่วยให้คุณสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ที่ Windows อาจประสบพบเจอ เมื่อติดตั้ง . NET

1.เช่นเดียวกับเครื่องมือตรวจสอบข้างต้นคุณสามารถค้นหาได้ใน Google แล้ว Search ".NET Repair Tool"

2.คลิกที่ลิงค์ Microsoft แรก 

3.คลิกปุ่มดาวน์โหลดโปรแกรม  และ Run

4.ทำตามขั้นตอนบนหน้าจอ  และรีสตาร์ท Computer ของคุณเมื่อเสร็จสิ้น


วิธีที่ 3. Upgrade .NET Framework



หากวิธีข้างต้นใช้งานไม่ได้  คุณอาจต้องการลองอัปเดต .NET Framework

       การทำเช่นนี้จะแทนที่ไฟล์เดิมๆ ที่อาจเป็นต้นตอของปัญหา  ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้

วิธี

1. Search Google ".NET Framework Lastest version "

(ควรเลือกหน้าเวปของ Microsoft)

2.หน้านี้จะมีสองตัวเลือก 1)". NET Core" และ 2)". NET Framework"

3.คลิกที่ "Download.NET Framework Runtime" ภายใต้ตัวเลือก. NET Framework

4.บันทึกไฟล์ลงในพีซีของคุณ

5.คลิก Run

6.มันจะบอกคุณว่าคุณมี . NET Framework อยู่แล้วหรือแจ้งให้คุณดำเนินการต่อ

7.หากคุณสามารถดำเนินการต่อได้  ให้ทำตามขั้นตอนและ Restart Computer


4. ติดตั้ง. NET ใหม่ ใน "Windows Features"

 ========================================

สุดท้ายคุณอาจจะสามารถ Disable - Enable ใหม่

ในการทำเช่นนี้คุณต้องทำตามขั้นตอนเหล่านี้:

1.กดปุ่ม "Windows" + "S" บนแป้นพิมพ์ของคุณ

2.พิมพ์ "Program and Feature"

3.เลือกตัวเลือกแรก (ใน Windows 10 อาจมีตัวเลือกสำหรับ "เปิดหรือปิด

Windows Features" - คลิก)



4.คลิกที่ "Windows Featuresจากเมนูด้านซ้าย

5.ติ๊ก . NET Framework ออก

6.คลิก "OK"

7. รีสตาร์ท Computer ของคุณ

8.เปิด Windows Features อีกครั้งและ ติ๊กเข้า(. NET Framework ) ในช่องเดิม

9.Windows จะเริ่มดำเนินการกระบวนการติดตั้งบางอย่าง

10. เมื่อเสร็จสิ้นให้รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ ของคุณอีกครั้ง

11. ทดสอบเพื่อดูว่าทำงานหรือไม่


หากยังไม่หาย เป็นไปได้ว่าเกิดจาก program เฉพาะทางนั้นๆ อาจจะมีปัญหาในตัวมันเอง ให้ลองเอาออกแล้วติดตั้งใหม่





แหล่งที่มาของบทความ: http://EzineArticles.com/9988069




0 ความคิดเห็น